6666

เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)



หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีส่วนความจำและความเร็วน้อยลงสามารถใช้ข้อมูลและคำสั่งของเครื่องรุ่นอื่นในตระกูล (Family) เดียวกันได้ โดยไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากนั้นยังสามารถทำงานในระบบเครือข่าย (Network) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องปลายทาง (Terminal)จำนวนมากได้สามารถทำงานได้พร้อมกันหลายงาน (Multitasking) และใช้งานได้พร้อมกันหลายคน (MultiUser)ปกติเครื่องชนิดนี้นิยมใช้ใน ธุรกิจขนาดใหญ่มีราคาตั้งแต่สิบล้านบาทไปจนถึงหลายร้อยล้านบาทตัวอย่างของเครื่องเมนเฟรมที่ใช้กันแพร่หลายก็คือคอมพิวเตอร์ของธนาคารที่เชื่อมต่อไปยังตู้ATMและสาขาของธนาคารทั่วประเทศนั่นเอง

ประเภทคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) 2 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) 3 เมนเฟรม คอมพิวเตอร์ (Mainframe computer) 4 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) การแบ่งประเภทคอมพิวเตอร์แต่ละแบบนั้นขึ้นอยู่กับขนาด ราคา ความเร็วในการทำงานประสิทธิภาพในการประมวลผล และขนาดของหน่วยความจำ 1 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ราคาถูกที่สุด ใช้งานง่าย และนิยมมากที่สุดราคาของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จะอยู่ในช่วงประมาณหมื่นกว่า ถึง แสนกว่าบาท ในวงการธุรกิจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กับงานทุก ๆ อย่าง ไมโครคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กพอที่จะตั้งบนโต๊ะ (DeskTop) หรือ ใส่ลงในกระเป๋าเอกสาร เช่น คอมพิวเตอร์วางบนตัก (Lap top) หรือโน๊ตบุ๊ค (Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทำงานในลักษณะประมวลผลได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเรียกว่าระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไว้สำหรับใช้งานส่วนตัวจึงเรียกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ได้อีกชื่อหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเครื่องพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนำเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ หรือเชื่อมต่อกับเครื่องเมนเฟรม เพื่อขยายประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายอย่างรวดเร็ว

2 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) มินิคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในระหว่างปี ค.ศ.1960 - 1969 เพื่อใช้กับงานเฉพาะอย่าง เช่น ใช้ในการสื่อสารข้อมูล ในปัจจุบันมินิคอมพิวเตอร์เป็นคู่แข่งกับเมนเฟรมในด้านประสิทธิภาพการทำงานและถูกนำมาใช้ในงานประมวลผลคำ งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ และใช้กับโปรแกรมประยุกต์ในการทำงานหลาย ๆ อย่างมินิคอมพิวเตอร์คล้ายกับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์แต่ขนาดเล็กกว่า ราคาถูกกว่า และบำรุงรักษาง่ายกว่า ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 1 ล้านกว่าขึ้นไป มินิคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมโยงกับ เครื่องเทอร์มินัลได้หลาย ๆ เครื่อง มีผู้ใช้งานได้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน (Multiuser) ในวงการธุรกิจปัจจุบัน สำหรับหน่วยงานขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มักนิยมใช้มินิคอมพิวเตอร์มาเป็นตัวหลักและใช้เครื่อง PC เป็นเพียงเครื่องประมวลผลชั้นต้น ที่โต๊ะทำงานหรือประจำแผนกเล็ก ๆ แล้วส่งผลลัพธ์ที่ได้ไปรวบรวม เพื่อเก็บเป็นข้อมูลถาวรและใช้ประมวลผลสรุปสำหรับผู้บริหารระดับสูงด้วยเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ เช่น บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริษัทที่ทำธุรกิจทางการเงินการธนาคาร เป็นต้นปัจจุบันนิยมใช้มินิคอมพิวเตอร์มาทำหน้าที่เป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์แทนพีซีเซิร์ฟเวอร์ในระบบแลน (LAN) เพราะสามารถรับภาระงานได้มากกว่า ความเร็วในการประมวลผลได้สูงกว่า มินิคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันได้ถูกออกแบบให้ใช้กับซีพียูได้หลาย ๆ ตัว ลักษณะการทำงานเป็นมัลติโปรเซสซิ่ง (Multiprocessing)


3 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างด้วยความเร็วสูงใช้ในงานธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวิทยาลัยธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถเก็บข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น ในการสั่งจองที่นั่งของสายการบินที่บริษัททัวร์รับจองในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงใช้งานกับเครื่องเทอร์มินัล (Terminal) หลาย ๆ เครื่อง ในระยะทางไกลกันได้ เช่น ระบบเอที่เอ็ม (ATM) การประมวลผลข้อมูลของระบบเมนเฟรมนี้มีผู้ใช้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน (Multiuser) สามารถประมวลผลโดยแบ่งเวลาการใช้ซีพียู (CPU) โดยผ่านเครื่องเทอร์มินัล การประมวลผลแบบแบ่งเวลานี้เรียกว่า Time sharing การใช้เมนเฟรมต้องคำนึงถึงในเรื่องความร้อน อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งต้องถูกควบคุมด้วยระบบพิเศษและต้องการทีมงานในการดำเนินงาน โดยปกติบริษัทผู้ขายคอมพิวเตอร์ จะให้การฝึกอบรมแก่พนักงานผู้ใช้เครื่องและดูแลการบำรุงรักษาเครื่อง เมนเฟรมคอมพิวเตอร์จะมีขนาดใหญ่ และราคาแพงกว่ามินิคอมพิวเตอร์


4 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถทำงานได้เร็วที่สุดความเร็วในการประมวลผล แลการรับส่งข้อมูลเหนือกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์และเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงที่สุดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มัใช้กับหน่วยงานขนาดใหญ่ที่สำคัญและใช้กับงานเฉพาะด้าน สามารถทำการประมวลผลในงานต่าง ๆ กันในเวลาพร้อมกันการประมวลผลภายใน 1 นาที ถ้าเทียบกับการทำงานของเครื่อง พีซี อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง สถาปัตยกรรมภายในเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลภายในเป็นจำนวนมาก โดยที่หน่วยประมวลผลแต่ละตัวจะประมวลผลให้กับปัญหาหนึ่ง ๆ ที่เข้ามาพร้อม ๆ กัน จึงทำให้สามารถทำการประมวลผลในงานต่าง ๆ กัน ในเวลาพร้อม ๆ กันด้วยความรวดเร็วซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เกิดขั้นมาก่อนและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ได้แก่ ยี่ห้อเครย์ (Cray) ซึ่งผลิตโดยบริษัท Cray Research เครย์รุ่นแรกเป็นเครื่องที่มีซีพี่ยูเพียงตัวเดียวและใช้งานแบบผู้ใช้คนเดียว


ต่อมาได้มีการผลิตเครย์ตามมาอีกหลายรุ่นเปลี่ยนมาเป็นระบบผู้ใช้หลายคนเป็ฯเครื่องมัลติโปรเซสเซอร์ มีซีพียูหลายตัว ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ออกมาในปลายปี ค.ศ. 1993 คือรุ่น T3D ได้เปลี่ยนจากระบบมัลติโปรเซสเซอร์ไปเป็นระบบ โปรเซสเซอร์จำนวนมาก ระบบเริ่มต้นที่มีโปรเซสเซอร์ตั้งแต่ 32 ตัว จนถึง 2048 ตัว โดยเพิ่มขั้นละ 2 เท่าตัว จาก 32 เป็น64,128,256,512,1024 และ 2048 สำหรับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในเอเซีย ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่มีศักยภาพในการผลิตซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มาแข่งกับสหรัฐ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นมีการผลิตจากหลายบริษัท เช่น NEC,HITACHI,FUJITSU โดยเฉพาะซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ NEC SXX/44ซึ่งญี่ปุ่นกล่าวว่าเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วในสุดในโลกนับตั้งแต่มีการผลิตซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกจนกระทั่งถึงปี ค.ศ 1992ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ถูกใช้ในงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความแม่นยำในการคำนวณสูงมาก โดยเฉพาะการสร้างโมเดลของคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า ซิมูเลชั่น (Simulation) เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสำรวจเกี่ยวกับแผ่นดินไหว การสำรวจแหล่งน้ำมันการพยากรณ์อากาศและการคาดการณ์เกี่ยวกับการแพร่กระจายของสิ่งแวดล้อมเป็นพิษซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ราคาหลายร้อยล้านบาท ถึงพันกว่าล้านบาทและในแต่ละปีจะผลิตน้อยมาก เนื่องจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง ราคาแพง ดังนั้นในการนำซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้ควรพิจารณาความเหมาะสมของงาน หรือจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด สำหรับประเทศไทยปัจจุบันมีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ใช้แล้วหลายแห่ง เช่น ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็คทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC)มี 2 เครื่องสำหรับให้บริการมหาวิทยาลัยต่างๆ หน่วยราชการต่างๆ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มี 1 เครื่อง สำหรับให้บริการทางด้านวิชาการ งานวิจัยต่างๆ กรมอุตุนิยมวิทยา มี 1 เครื่อง ใช้ในการพยากรณ์อากาศ สรุปได้ว่าข้อแตกต่างระหว่างไมโครคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่จะแตกต่างกันในด้านความสามารถในการเก็บข้อมูล และความเร็วในการทำงานเนื่องจากมินิคอมพิวเตอร์และเมนเฟรมมีหน่วยความจำขนาดใหญ่เก็บข้อมูลได้ยาก และสามารถประมวลผลโปรแกรมที่มีความซับซ้อนในเวลาที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถประมวลผลกับโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรมในเวลาพร้อมกันและผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลาย ๆ คนสามารถใช้เครื่องพร้อม ๆ กันเวลาเดียวกันได้






























ความคิดเห็น